ฟันห่าง ‘จัดฟัน’ หรือ ‘อุดฟัน’ ดีกว่ากัน Dental Life มีคำตอบ!

Share Post:

ฟันห่าง ‘จัดฟัน’ หรือ ‘อุดฟัน’ ดีกว่ากัน Dental Life มีคำตอบ!

ฟันห่าง ‘จัดฟัน’ หรือ ‘อุดฟัน’ ดีกว่ากัน Dental Life มีคำตอบ!

“ฟันห่าง” ปัญหาเล็ก ๆ ที่อาจดูไม่ร้ายแรง แต่กลับส่งผลต่อรอยยิ้ม และความมั่นใจอย่างมาก หลายคนอาจเคยรู้สึกว่าไม่กล้ายิ้มกว้าง ไม่มั่นใจเวลาพูดคุยกับผู้อื่น เพราะช่องว่างระหว่างฟันทำให้รอยยิ้มดูไม่สมบูรณ์แบบ

แต่รู้หรือไม่ว่า “ฟันห่าง” ไม่ได้เป็นเพียงปัญหาด้านความสวยงามเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อสุขภาพช่องปากในระยะยาวด้วย

คำถามคือเราจะแก้ไขปัญหาฟันห่างได้อย่างไร? ปัจจุบันมีวิธีแก้ไขหลัก ๆ อยู่สองวิธี ได้แก่ “การจัดฟัน” และ “การอุดฟัน” ซึ่งแต่ละวิธีก็มีจุดเด่นและข้อจำกัดแตกต่างกันออกไป แล้วแบบไหนล่ะ ที่จะเหมาะกับเรา?

บทความนี้ Dental Life Clinic จะพาคุณมาทำความเข้าใจปัญหาฟันห่างอย่างละเอียด พร้อมเปรียบเทียบข้อดี ข้อเสียของทั้งสองวิธี เพื่อให้คุณเลือกการรักษาที่ตอบโจทย์ที่สุดสำหรับรอยยิ้มและสุขภาพช่องปากของคุณเอง

ปัญหา “ฟันห่าง” คืออะไร? มีลักษณะอย่างไร?

ฟันห่าง คือภาวะที่มีช่องว่างผิดปกติระหว่างฟัน ไม่ว่าจะเป็นระหว่างฟันหน้า ฟันกราม หรือฟันซี่ใดซี่หนึ่ง ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว การสบฟันที่ดีควรมีการเรียงตัวของฟันที่ชิดพอดี ไม่มีช่องว่างมากเกินไป เพราะช่องว่างอาจส่งผลต่อทั้งด้านความสวยงามและสุขภาพช่องปากโดยรวม

ฟันห่างสามารถสังเกตได้ง่าย โดยเฉพาะเมื่อยิ้ม พูด หรือหัวเราะ เพราะช่องว่างจะเห็นได้อย่างชัดเจน โดยบางคนอาจมีเพียงช่องว่างเล็ก ๆ ระหว่างฟันหน้า ในขณะที่บางรายอาจมีหลายซี่ที่ห่างออกจากกัน และบางกรณีอาจรวมถึงการสบฟันที่ไม่สมดุล เช่น ฟันบนล่างไม่สัมผัสกันในตำแหน่งที่ควรจะเป็น

โดยสาเหตุของฟันห่างมีได้หลายปัจจัย 

  • กรรมพันธุ์ และโครงสร้างกระดูกขากรรไกร บางคนมีฟันที่มีขนาดเล็กกว่ากระดูกขากรรไกร ส่งผลให้มีช่องว่างระหว่างฟันโดยธรรมชาติ
  • พฤติกรรมการดันลิ้นหรือดูดนิ้วในวัยเด็ก การดันลิ้นดันฟันบ่อย ๆ หรือการดูดนิ้วเป็นเวลานานสามารถทำให้ฟันเคลื่อนตัวและเกิดช่องว่างได้
  • การสูญเสียฟันบางซี่ หากฟันบางซี่ถูกถอนออกและไม่ได้ใส่ฟันปลอมหรือทำสะพานฟันทดแทน ช่องว่างที่เหลืออยู่สามารถทำให้ฟันซี่ข้างเคลื่อนตัว จนเกิดช่องว่างเพิ่มเติมในตำแหน่งอื่น
  • โรคเหงือกหรือปัญหาสุขภาพช่องปาก โรคเหงือกที่ทำให้กระดูกและเนื้อเยื่อรองรับฟันถูกทำลาย อาจทำให้ฟันโยกและเกิดช่องว่างตามมาผลกระทบจากฟันห่าง แม้ฟันห่างอาจดูเหมือนปัญหาเล็กน้อย แต่ในความเป็นจริงแล้วอาจส่งผลต่อหลายด้าน ได้แก่
  • ด้านความสวยงาม และบุคลิกภาพ อาจทำให้ขาดความมั่นใจเมื่อต้องยิ้มหรือพูดต่อหน้าผู้อื่น
  • ด้านสุขภาพช่องปาก เช่น ช่องว่างระหว่างฟันเป็นจุดที่เศษอาหารติดง่าย ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดฟันผุ และโรคเหงือก
  • ด้านการออกเสียง เพราะในบางรายช่องว่างอาจทำให้มีเสียงลมรั่วเวลาพูด ทำให้พูดไม่ชัด

หากคุณมีปัญหา “ฟันห่างหลายซี่” หรือมีปัญหาการสบฟันร่วมด้วย “การจัดฟัน” คือคำตอบ!

สำหรับผู้ที่มีฟันห่างหลายซี่ หรือมีปัญหาการสบฟันผิดปกติร่วมด้วย เช่น ฟันซ้อนเก ฟันยื่น ฟันล้ม หรือขากรรไกรบน–ล่างไม่สัมพันธ์กัน การรักษาด้วย การจัดฟัน (Orthodontic Treatment) มักเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์มากที่สุด เนื่องจากสามารถแก้ไขได้อย่างครอบคลุมทั้งระบบ ไม่ใช่เพียงปิดช่องว่างระหว่างฟันเท่านั้น แต่ยังช่วยปรับการเรียงตัวของฟันและโครงสร้างการสบฟันให้ถูกต้อง ส่งผลดีทั้งด้านความสวยงามและสุขภาพช่องปากในระยะยาว

เพราะการจัดฟันไม่ใช่เพียงการเคลื่อนฟันเพื่อปิดช่องว่าง แต่ยังช่วยแก้ไขตำแหน่งฟันที่ผิดปกติ เพื่อให้ฟันทุกซี่เรียงตัวในแนวที่เหมาะสม การจัดฟันยังสามารถปรับการสบฟันให้สมดุล ช่วยให้การบดเคี้ยวอาหารมีประสิทธิภาพ และลดความเสี่ยงของการสึกของฟันที่ไม่เท่ากันในระยะยาว

ข้อดีของการจัดฟันสำหรับผู้ที่มีฟันห่าง

  1. แก้ปัญหาทั้งระบบ ไม่ใช่แค่ช่องว่างเดียว เพราะนอกจากจะปิดช่องฟันห่างแล้ว ยังช่วยแก้ไขการสบฟันผิดปกติ ฟันซ้อนเก หรือฟันยื่นได้พร้อมกัน
  2. ช่วยให้ฟันเรียงตัวแน่นขึ้นอย่างถาวร เมื่อฟันถูกจัดให้อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง โอกาสที่ช่องว่างจะกลับมาในอนาคตจะลดลงอย่างมาก
  3. ปรับรูปหน้าและรอยยิ้มให้ดูสมดุล การจัดฟันสามารถช่วยปรับรูปปากและแนวรอยยิ้มให้ดูเป็นธรรมชาติ ส่งผลให้ยิ้มอย่างมั่นใจมากขึ้น
  4. ส่งเสริมสุขภาพช่องปากระยะยาว ฟันที่เรียงตัวดีจะช่วยให้การทำความสะอาดง่ายขึ้น ลดโอกาสการเกิดฟันผุหรือโรคเหงือกในอนาคต

ซึ่งวิธีนี้จะเหมาะกับผู้ที่มีฟันห่างหลายซี่ หรือช่องฟันกว้างเกินไปจนการอุดฟันไม่สามารถปิดได้อย่างแนบสนิท ผู้ที่มีปัญหาการสบฟันผิดปกติร่วมด้วย เช่น ฟันซ้อนเก ฟันยื่น ขากรรไกรบนล่างไม่สัมพันธ์กัน หรือผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาแบบถาวร พร้อมปรับตำแหน่งฟันและรูปหน้าด้วย

หากคุณมีปัญหา ฟันห่างเพียงเล็กน้อย “การอุดฟัน” คือทางเลือกที่ง่ายและรวดเร็ว!

สำหรับผู้ที่มีฟันห่างเพียงเล็กน้อย หรือช่องว่างที่ไม่กว้างมากนัก การอุดฟันถือเป็นวิธีแก้ไขที่ง่าย รวดเร็ว และไม่ต้องใช้เวลารักษานานเหมือนการจัดฟัน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปิดช่องว่างเพื่อเสริมความมั่นใจในรอยยิ้มโดยไม่ต้องปรับตำแหน่งฟันทั้งแถว

การอุดฟัน (Dental Bonding) หรือบางครั้งเรียกว่า การบูรณะฟันด้วยวัสดุเรซินคอมโพสิต (Composite Resin) เป็นเทคนิคที่หมอฟันใช้วัสดุเรซินที่มีสีใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติ มาปั้นขึ้นรูปปิดช่องว่างระหว่างฟัน จากนั้นใช้แสงพิเศษทำให้วัสดุแข็งตัว และปรับแต่งผิวให้เรียบเนียนจนดูเสมือนเป็นฟันจริง

ข้อดีของการอุดฟันสำหรับผู้ที่มีฟันห่างเล็กน้อย

  1. เห็นผลลัพธ์ทันที หลังการทำเพียงครั้งเดียว รอยยิ้มจะดูสมบูรณ์ขึ้นทันที โดยไม่ต้องรอหลายเดือนเหมือนการจัดฟัน
  2. ค่าใช้จ่ายน้อยกว่า ราคาการอุดฟันต่อซี่อยู่ในช่วง 1,500 – 5,000 บาท ขึ้นอยู่กับวัสดุและเทคนิคที่ใช้ ซึ่งถือว่าประหยัดกว่าการจัดฟันหลายเท่า
  3. ไม่ยุ่งยาก และไม่ต้องใช้เวลานาน สามารถนัดทำและกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ทันที ไม่ต้องใส่อุปกรณ์หรือดูแลพิเศษแบบการจัดฟัน
  4. รักษาโครงสร้างฟันเดิมไว้ เพราะการอุดฟันไม่ต้องขยับฟันทั้งแถว และไม่ทำให้เกิดแรงกดหรือการเคลื่อนตัวของฟัน
  5. ปรับสีและรูปร่างให้ใกล้เคียงธรรมชาติ ใช้วัสดุเรซินมีเฉดสีหลายแบบ สามารถเลือกให้กลมกลืนกับฟันเดิมได้อย่างแนบเนียน

ซึ่งจะเหมาะกับ ผู้ที่มีช่องว่างระหว่างฟันเพียงเล็กน้อย ผู้ที่ต้องการแก้ไขรอยยิ้มแบบเร่งด่วนก่อนงานสำคัญ เช่น งานแต่ง งานถ่ายภาพ หรือผู้ที่ไม่ต้องการจัดฟันหรือไม่มีเวลาในการรักษานาน

การตัดสินใจเลือกวิธีการรักษาฟันห่าง ควรพิจารณาหลายปัจจัย ทั้งลักษณะปัญหา ขนาดของช่องว่าง งบประมาณ เวลา และผลลัพธ์ที่ต้องการ

ลักษณะปัญหา

จัดฟัน: เหมาะสำหรับผู้ที่มีฟันห่างหลายซี่ หรือมีปัญหาการสบฟันผิดปกติร่วมด้วย เช่น ฟันซ้อนเก ฟันยื่น ฟันล้ม

อุดฟัน: เหมาะสำหรับผู้ที่มีช่องว่างเล็กน้อย และไม่มีปัญหาการสบฟันอื่น ๆ

ระยะเวลาเห็นผล

จัดฟัน: ใช้เวลาเฉลี่ย 1.5–3 ปี เพื่อปรับตำแหน่งฟันทั้งหมด

อุดฟัน: เห็นผลทันทีหลังทำเสร็จภายใน 1 ชั่วโมงต่อซี่

ค่าใช้จ่าย

จัดฟัน: เริ่มตั้งแต่ 60,000 – 150,000 บาท หรือมากกว่า หากเป็นการจัดฟันใส

อุดฟัน: อยู่ในช่วง 1,500 – 5,000 บาทต่อซี่

ผลลัพธ์ระยะยาว

จัดฟัน: แก้ไขปัญหาทั้งระบบ โอกาสฟันกลับมาห่างอีกน้อยมาก

อุดฟัน: ผลลัพธ์ดีในระยะสั้นถึงกลาง (3–7 ปี) อาจต้องซ่อมหรือทำใหม่หากวัสดุหลุดหรือเปลี่ยนสี

ปัจจัยที่ควรพิจารณาก่อนเลือกวิธีรักษา

  • ขนาดของช่องว่าง  ห่างคุณมีช่องว่างเล็กอาจปิดด้วยการอุดฟันได้ แต่ช่องว่างกว้างการจัดฟันอาจแก้ปัญหาได้ดีกว่า
  • เช็กสภาพฟันโดยรวม หากมีฟันซ้อน ฟันล้ม หรือการสบฟันไม่ถูกต้อง ควรจัดฟันเพื่อแก้ปัญหาที่ต้นเหตุเพื่อแก้ปัญหาทั้งโครงสร้าง
  • พิจารณาระยะเวลาที่ต้องการผลลัพธ์  หากต้องการยิ้มสวยในระยะเวลาอันสั้น เช่น มีงานสำคัญ ควรเลือกอุดฟัน
  • ประเมินงบประมาณและการดูแลหลังการรักษา เพราะจัดฟันมีค่าใช้จ่ายสูง และต้องดูแลระยะยาว ในขณะที่อุดฟันมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าและไม่ซับซ้อนในการดูแล

สรุปบทความ

“ปัญหาฟันห่าง” ไม่ว่าจะเล็กน้อยหรือหลายซี่ ล้วนส่งผลต่อรอยยิ้ม และความมั่นใจของคุณ แต่ปัจจุบันมีวิธีแก้ไขที่หลากหลาย ตั้งแต่การจัดฟัน สำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาทั้งระบบ ไปจนถึง การอุดฟัน สำหรับผู้ที่มีช่องว่างเล็กน้อย และต้องการผลลัพธ์แบบเร่งด่วน 

ดังนั้น การตัดสินใจเลือกวิธีรักษาที่เหมาะสมที่สุด ควรได้รับคำแนะนำจากทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงกับความต้องการ และคงทนในระยะยาว นอกจากจะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้รอยยิ้มแล้ว ยังช่วยป้องกันปัญหาสุขภาพช่องปากที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

ที่ Dental Life Clinic เราพร้อมให้คำปรึกษา และวิเคราะห์ปัญหาฟันของคุณอย่างละเอียด ด้วยทีมทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และเทคโนโลยีการรักษาทันสมัย เพื่อออกแบบรอยยิ้มที่สมบูรณ์แบบสำหรับคุณโดยเฉพาะ เพื่อผลลัพธ์ที่ดี พร้อมทั้งสุขภาพช่องปากที่แข็งแรง 🩺🥰

ปรึกษาเราได้ฟรี!

083-070-5955, 02-938-9178

Inbox : https://m.me/dentallifeclinic

Line : @dentallife หรือคลิก https://lin.ee/R5pISY5

แผนที่ : https://goo.gl/maps/jkHoQaHvMVEtYx4i6

Stay Connected

More Updates