ไขความลับการเลือกยาสีฟัน เลือกแบบไหนช่วยดูแลสุขภาพช่องปากให้แข็งแรงมากที่สุด
เวลาซื้อ “ยาสีฟัน” หลายคนอาจจะเลือกจากยี่ห้อที่คุ้นเคยที่สุด หรือจากการเห็นโฆษณาต่างๆ แต่รู้หรือไม่ แท้จริงแล้ว ยาสีฟันแต่ละชนิดถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาช่องปากที่แตกต่างกัน ดังนั้น การเลือกยาสีฟันแบบไม่เหมาะสม อาจทำให้ไม่เห็นผลลัพธ์ที่ต้องการ เช่น ใช้ยาสีฟันฟันขาวแต่กลับทำให้เสียวฟันมากขึ้น หรือเลือกยาสีฟันที่แรงเกินไปจนเกิดการระคายเคืองเหงือก
ในบทความนี้ ทันตแพทย์จาก Dental Life Clinic จะพาคุณมา “ไขความลับ” การเลือกยาสีฟันให้ถูกประเภท ตรงตามความต้องการของช่องปาก และเหมาะกับสภาพฟันของแต่ละคน เพื่อให้คุณมี “รอยยิ้มที่มั่นใจ” และ “สุขภาพช่องปากที่แข็งแรงในระยะยาว”
ทำไม “ยาสีฟัน” ถึงสำคัญกว่าที่คุณคิด?
เพราะ ยาสีฟันเป็นผลิตภัณฑ์ที่เราใช้ในชีวิตประจำวันซึ่งต้องแปรง วันละ 2 ครั้ง แต่หลายคนกลับมองข้ามความสำคัญของส่วนผสมในหลอดเล็ก ๆ นี้ ทั้งที่ในความเป็นจริง ยาสีฟันคือด่านป้องกันแรกของสุขภาพช่องปาก
โดยส่วนใหญ่ ส่วนผสมหลักของยาสีฟันทั่วไปจะประกอบด้วย สารขัดฟัน, สารลดแรงตึงผิว, ฟลูออไรด์, สารแต่งกลิ่นและรส และสารให้ความชุ่มชื้น แม้จะดูคล้ายกัน แต่สิ่งที่ต่างกันคือ สัดส่วนและชนิดของสารออกฤทธิ์ ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับการดูแลปัญหาช่องปากแต่ละแบบ เช่น ฟันผุ เหงือกอักเสบ หรืออาการเสียวฟัน
หากอยากให้เหงือกแข็งแรง ควรเลือกยาสีฟันแบบไหน?
เหงือกคือฐานรากสำคัญของฟัน หากเหงือกไม่แข็งแรง ฟันจะโยก เคี้ยวอาหารลำบาก และอาจนำไปสู่โรคปริทันต์ในอนาคต ดังนั้นยาสีฟันที่แนะนำ ควรมีส่วนผสมต่อไปนี้
- ฟลูออไรด์ (Fluoride)
นอกจากช่วยป้องกันฟันผุแล้ว ฟลูออไรด์ยังช่วยเสริมสร้างเนื้อฟันและเนื้อเยื่อเหงือกให้แข็งแรงขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีแนวโน้มเหงือกอักเสบ หรือเลือดออกขณะแปรงฟัน - สังกะสีซิเตรต (Zinc Citrate)
มีคุณสมบัติลดการสะสมของคราบแบคทีเรียและคราบหินปูน ซึ่งเป็นต้นเหตุของกลิ่นปากและเหงือกอักเสบ
ช่วยยับยั้งเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดคราบฟันได้ดี - สมุนไพรธรรมชาติ เช่น สารสกัดจากกานพลู สารสกัดจากเกลือทะเล หรือว่านหางจระเข้
มีฤทธิ์ต้านการอักเสบตามธรรมชาติ
ช่วยให้เหงือกแน่น กระชับ และลดอาการบวมแดง
หมายเหตุ: หากคุณมีปัญหาเลือดออกขณะแปรงฟัน หรือเหงือกบวม ควรเปลี่ยนยาสีฟันทันที และแนะนำให้ตรวจสุขภาพเหงือกกับทันตแพทย์ทุก 6 เดือน
หากอยากให้ฟันขาว ควรเลือกยาสีฟันแบบไหน?
หลายคนใฝ่ฝันอยากมี “ฟันขาวสะอาด” เพราะช่วยเสริมบุคลิกภาพและความมั่นใจ แต่รู้ไหมว่า ไม่ใช่ยาสีฟันทุกหลอดที่ทำให้ฟันขาวโดยปลอดภัย ส่วนใหญ่มักมีสารขัดฟัน (Abrasives) หรือ เอนไซม์ที่ช่วยสลายคราบสีบนผิวฟัน โดยไม่ทำลายเคลือบฟัน
ยาสีฟันฟันขาวที่แนะนำ ควรมีส่วนผสมต่อไปนี้
ซิลิกา (Silica)
- เป็นสารขัดละเอียดที่ช่วยขจัดคราบชา กาแฟ บุหรี่ และอาหารที่ทำให้เกิดคราบเหลือง
- ปลอดภัย ไม่ทำลายสารเคลือบฟัน
เอนไซม์ (Enzymes) เช่น เอนไซม์โปรตีเอส
- ช่วยย่อยสลายโปรตีนในคราบพลัคได้อย่างอ่อนโยน
- ลดการสะสมของคราบบนผิวฟันโดยไม่ทำให้ฟันสึก
โซเดียมไบคาร์บอเนต (Baking Soda)
- มีฤทธิ์ขจัดคราบและช่วยปรับสมดุลความเป็นกรดในช่องปาก
- ให้ความรู้สึกสะอาดและลมหายใจสดชื่น
หมายเหตุ: หลีกเลี่ยงยาสีฟันฟันขาวที่มีเม็ดขัดหยาบหรือมีสารฟอกสีแรง ๆ เพราะอาจทำให้เคลือบฟันบางลงและเกิดอาการเสียวฟันในระยะยาว
หากอยากป้องกันฟันผุ ควรเลือกยาสีฟันที่มี “ฟลูออไรด์เข้มข้น”
ฟันผุ ปัญหาทางช่องปากของหลายๆ คน มักเกิดจากกรดที่แบคทีเรียสร้างขึ้นเมื่อเรารับประทานอาหารที่มีน้ำตาลหรือแป้งตกค้าง ฟลูออไรด์จึงเป็นส่วนผสมสำคัญในยาสีฟันที่ป้องกันฟันผุได้
เหตุผลที่ควรเลือกยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์เข้มข้น เพราะ
- ฟลูออไรด์ช่วยเสริมความแข็งแรงของเคลือบฟัน (Enamel)
- ป้องกันการละลายของแร่ธาตุในฟันจากกรด
- ช่วยให้ฟันซ่อมแซมตัวเองในระยะเริ่มต้นของการผุ
โดยทั่วไป ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ 1,000 – 1,500 ppm (ส่วนในล้านส่วน) ถือว่าเหมาะสมกับผู้ใหญ่ ส่วนเด็กเล็กควรใช้ปริมาณต่ำกว่านี้เพื่อป้องกันการกลืนเข้าไป
หมายเหตุ: ควรแปรงฟันให้ครบ 2 นาที และไม่ต้องบ้วนน้ำมากเกินไปหลังแปรง เพื่อให้ฟลูออไรด์คงอยู่บนฟันนานที่สุด
หากอยากลดอาการเสียวฟัน ควรเลือกยาสีฟันแบบไหน?
อาการเสียวฟันเป็นภาวะที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในผู้ที่เคลือบฟันบาง เหงือกร่น หรือชอบดื่มชา กาแฟ และน้ำเย็นจัด โดยอาการเสียวฟันเกิดจากการที่เนื้อฟันชั้นใน ถูกเปิดเผย ทำให้เส้นประสาทในฟันไวต่อความเย็นหรือความร้อน
ดังนั้น ยาสีฟันสำหรับผู้มีอาการเสียวฟัน จึงควรมีสารที่ช่วยปิดท่อเนื้อฟัน และลดการส่งสัญญาณความรู้สึกไปยังเส้นประสาท โดยควรมีส่วนผสมต่อไปนี้
โพแทสเซียมไนเตรต (Potassium Nitrate)
- ช่วยลดการส่งสัญญาณของเส้นประสาท ทำให้อาการเสียวฟันลดลงเมื่อใช้ต่อเนื่อง
- เหมาะสำหรับผู้ที่เสียวฟันเวลาทานของเย็นหรือหวาน
สตรอนเชียมคลอไรด์ (Strontium Chloride)
- ช่วยปิดท่อเนื้อฟันและป้องกันไม่ให้สิ่งกระตุ้นสัมผัสเส้นประสาทโดยตรง
- ใช้ต่อเนื่องประมาณ 2 สัปดาห์จะเริ่มเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนขึ้น
อาร์จินีน (Arginine)
- กรดอะมิโนธรรมชาติจะช่วยเสริมเกราะป้องกันให้ฟันและเหงือก เหมาะกับผู้ที่มีเหงือกร่นและฟันสึกจากการแปรงแรงเกินไป
หมายเหตุ: หากอาการเสียวฟันไม่ดีขึ้นหลังเปลี่ยนยาสีฟัน ควรเข้าพบทันตแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุอื่นเพิ่มเติม เพราะอาจเกิดจากปัญหาช่องปากอื่นๆ เช่น ฟันผุ รอยแตกในฟัน หรือเหงือกร่นลึก
สรุปบทความ
การเลือกยาสีฟันที่ใช่คือจุดเริ่มต้นของรอยยิ้มที่มั่นใจ เพราะสุดท้ายแล้วยาสีฟันที่ดีที่สุดไม่ใช่ยี่ห้อที่แพงที่สุด หรือโฆษณาน่าสนใจที่สุด แต่คือยาสีฟันที่เหมาะกับปัญหาช่องปากของคุณที่สุด เพราะการเลือกยาสีฟันที่ถูกต้อง คือก้าวแรกของการดูแลสุขภาพช่องปากที่ดีในระยะยาว
หากคุณสงสัยว่าตัวเองอาจมีอาการเหล่านี้ หรืออยากตรวจสุขภาพฟัน สามารถเข้ามาปรึกษาได้ที่ Dental Life Clinic ได้ตลอดนะครับ เราพร้อมให้คำแนะนำ และการดูแลรักษาอย่างเต็มที่ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและสุขภาพช่องปากที่แข็งแรงครับ 🩺🥰
ปรึกษาเราได้ฟรี!
083-070-5955, 02-938-9178
Inbox : https://m.me/dentallifeclinic
Line : @dentallife หรือคลิก https://lin.ee/R5pISY5

