ฟันโยกในเด็ก vs ฟันโยกในผู้ใหญ่ สัญญาณเตือนสุขภาพช่องปากต่างวัย
หลายคนอาจคุ้นเคยกับภาพเด็กฟันโยก และหลุดออกอย่างง่ายดาย เพื่อรอฟันแท้งอกขึ้นมาแทน แต่รู้ไหมว่า… อาการฟันโยกในผู้ใหญ่ไม่ใช่เรื่องปกติ!
บทความนี้ ทันตแพทย์จาก Dental Life Clinic จะพาคุณมา “ไขความต่าง” ของฟันโยกในเด็กและในผู้ใหญ่ พร้อมแนะแนวทางดูแลรักษาที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาลุกลามจนกระทบต่อรอยยิ้มในระยะยาวกัน
ฟันโยกในเด็ก “สัญญาณธรรมชาติของการเปลี่ยนฟัน”
โดยปกติ อาการฟันโยกในเด็กมักไม่ใช่เรื่องน่ากังวล เพราะเป็นกระบวนการตามธรรมชาติของการเปลี่ยนจากฟันน้ำนมเป็นฟันแท้ ซึ่งโดยทั่วไปจะเริ่มเกิดขึ้นในช่วงอายุ 5–7 ปี และใช้เวลาประมาณ 2–3 ปี จนฟันแท้ขึ้นครบ
แต่แม้จะดู “ปกติ” ก็ตาม ฟันโยกในเด็กก็ยังมีรายละเอียดบางอย่างที่พ่อแม่ควรรู้ เพื่อให้การเปลี่ยนฟันเป็นไปอย่างปลอดภัย และไม่เกิดผลข้างเคียงในอนาคต
สาเหตุหลักของอาการฟันโยกในเด็ก มีหลายปัจจัย ดังนี้
- การเปลี่ยนฟันน้ำนมเป็นฟันแท้
เมื่อฟันแท้เริ่มงอก รากของฟันน้ำนมจะค่อย ๆ ถูกดูดสลาย ทำให้ฟันน้ำนมหลวม และโยกได้เอง ซึ่งถือว่า “ปกติ” และไม่จำเป็นต้องถอนออกทันที
หมายเหตุ: หากฟันน้ำนมโยกมาก เหงือกบวมแดง หรือปวด ควรให้ทันตแพทย์ตรวจดู เพราะบางครั้งฟันแท้อาจขึ้นผิดตำแหน่ง หรือเกิดการติดเชื้อร่วมด้วย
- อุบัติเหตุจากการกระแทก
เช่น วิ่งเล่น ปั่นจักรยาน หรือเล่นกีฬา ซึ่งอาจทำให้ฟันได้รับแรงกระแทกจนโยกได้ แม้จะยังไม่ถึงช่วงเปลี่ยนฟัน หากฟันโยกจากอุบัติเหตุ ควรรีบพาเด็กไปพบทันตแพทย์ทันที
- ฟันผุจนทำลายรากฟัน
หากปล่อยให้ “ฟันผุ” จนลุกลามถึงรากฟันก่อนเวลา ก็อาจทำให้ฟันโยก และหลุดเร็วเกินไป ซึ่งไม่ดีต่อการขึ้นของฟันแท้ในภายหลัง เพราะฟันข้างเคียงอาจล้ม และทำให้ฟันแท้ซี่อื่นขึ้นผิดตำแหน่ง เกิดเป็นฟันซ้อนเก
หมายเหตุ: ควรพาเด็กมาตรวจสุขภาพฟันทุก 6 เดือน เพื่อรักษาฟันผุตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ป้องกันไม่ให้ลามถึงรากฟัน
- พฤติกรรมในชีวิตประจำวัน
เด็กบางคนมีพฤติกรรมที่ทำให้ฟันโยกโดยไม่รู้ตัว เช่น การกัดฟันตอนหลับ (Bruxism) ใช้ลิ้นดุนฟัน เคี้ยวของแข็งหรือเหนียว เช่น น้ำแข็ง ขนมเยลลี่เหนียว ๆ พฤติกรรมเหล่านี้ทำให้ฟันได้รับแรงกดซ้ำ ๆ จนเกิดการโยกก่อนเวลาอันควร
แม้ฟันโยกจะเป็นเรื่องปกติของวัยเด็ก แต่หากพบอาการเหล่านี้ ควรรีบพาไปพบทันตแพทย์ทันที เช่น ฟันโยกก่อนอายุ 4 ขวบ ฟันโยกหลายซี่พร้อมกัน มีเลือดหรือหนองไหลจากเหงือก มีกลิ่นปากรุนแรงร่วมกับฟันโยก
ฟันโยกในผู้ใหญ่ “สัญญาณเตือนสุขภาพช่องปากที่ไม่ควรมองข้าม”
อาการฟันโยกในผู้ใหญ่ ไม่ใช่เรื่องปกติ! เพราะโดยทั่วไป ฟันแท้ควร “แน่น” อยู่กับกระดูกขากรรไกไปตลอดชีวิต หากเริ่มโยก นั่นคือสัญญาณว่ามีบางอย่างผิดปกติภายในช่องปาก
สาเหตุหลักของอาการฟันโยกในผู้ใหญ่มีหลายปัจจัย ดังนี้
- โรคเหงือกอักเสบ หรือโรคปริทันต์
โรคเหงือกอักเสบคือ สาเหตุอันดับหนึ่งของฟันโยกในผู้ใหญ่ โดยเริ่มจากการสะสมของคราบจุลินทรีย์ (Plaque) และหินปูนที่ขอบเหงือก ทำให้เหงือกบวม แดง และมีเลือดออกง่าย
หากปล่อยไว้นาน เชื้อแบคทีเรียจะลุกลามลงไปถึงกระดูกเบ้าฟัน (Alveolar Bone) ทำให้กระดูกละลาย และสูญเสียการยึดเกาะ ฟันจึงเริ่มโยกมากขึ้น
- ฟันผุรุนแรงจนลามถึงรากฟัน
ฟันผุที่ไม่ได้รับการรักษาอาจลุกลามถึงโพรงประสาท และรากฟัน ทำให้เกิดการติดเชื้อในเนื้อเยื่อรอบราก จนฟันโยก ในกรณีนี้ อาจต้องรักษารากฟัน (Root Canal Treatment) หรือถอนออก หากฟันไม่สามารถเก็บไว้ได้
- การสบฟันผิดปกติ หรือขบฟันแรงขณะนอน (Bruxism)
คนที่นอนกัดฟันโดยไม่รู้ตัว จะส่งแรงกดมหาศาลต่อฟัน และเหงือกทุกคืน โดยแรงกดเหล่านี้สามารถทำให้ เอ็นยึดฟันถูกทำลาย จนฟันโยกได้แม้ไม่มีฟันผุหรือโรคเหงือก
หมายเหตุ: หากมีอาการเจ็บกรามตอนตื่นนอน หรือสังเกตว่าฟันบางซี่สึกมากผิดปกติ ควรรีบตรวจ เพราะอาจเป็นสัญญาณของการกัดฟัน และแก้ปัญหาด้วยการใช้ “เฝือกสบฟัน” (Night Guard) ช่วยลดแรงกด
- การสูบบุหรี่
บุหรี่มีผลโดยตรงต่อสุขภาพเหงือก เพราะลดการไหลเวียนของเลือดในเนื้อเยื่อ ทำให้การซ่อมแซมตัวเองของเหงือกลดลง ส่งผลให้โรคปริทันต์ลุกลามเร็วขึ้น และฟันโยกมากขึ้น
- การตั้งครรภ์ หรือการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
ผู้หญิงบางคนอาจมีอาการ “ฟันโยกชั่วคราว” ในช่วงตั้งครรภ์ เพราะระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนและเอสโตรเจนที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้เอ็นรอบฟันอ่อนตัวลง แต่โดยทั่วไปอาการนี้จะดีขึ้นเองหลังคลอด หากไม่มีโรคเหงือกแฝงอยู่
หากฟันโยกมากขึ้นเรื่อย ๆ มีเลือดออกขณะแปรงฟัน เหงือกบวม มีกลิ่นปาก ฟันเริ่มห่างหรือขยับตำแหน่ง หรือเวลาเคี้ยวอาหารแล้วรู้สึกปวดหรือฟันขยับได้ การปล่อยให้ฟันโยกโดยไม่รักษา อาจนำไปสู่ “การสูญเสียฟันถาวร” ได้ในที่สุด
หมายเหตุ: หากคุณมีปัญหาเลือดออกขณะแปรงฟัน หรือเหงือกบวม ควรเปลี่ยนยาสีฟันทันที และแนะนำให้ตรวจสุขภาพเหงือกกับทันตแพทย์ทุก 6 เดือน
สรุปบทความ
อาการ “ฟันโยก” อาจเป็นเรื่องเล็กในสายตาหลายคน แต่ในมุมมองของทันตแพทย์มันคือ สัญญาณเตือนสำคัญของสุขภาพช่องปากที่ร้ายแรงกว่าที่คิด ในเด็กอาจเป็นเพียงการเปลี่ยนฟันตามวัยแต่สำหรับผู้ใหญ่ มักสะท้อนถึงโรคเหงือก ฟันผุ หรือพฤติกรรมที่ควรได้รับการแก้ไข ยิ่งรักษาเร็ว ยิ่งมีโอกาสเก็บฟันไว้ได้สูง
ดังนั้น อย่าปล่อยให้ “ฟันโยกเล็กน้อย” กลายเป็นปัญหาใหญ่ที่ทำให้ต้องสูญเสียฟันในอนาคต การตรวจสุขภาพช่องปากเป็นประจำ และการรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มต้น จะเป็นกุญแจสำคัญของ “รอยยิ้มที่แข็งแรงไปยาวนาน”
หากคุณสงสัยว่าตัวเองอาจมีอาการเหล่านี้ หรืออยากตรวจสุขภาพฟัน สามารถเข้ามาปรึกษาได้ที่ Dental Life Clinic ได้ตลอดนะครับ เราพร้อมให้คำแนะนำ และการดูแลรักษาอย่างเต็มที่ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและสุขภาพช่องปากที่แข็งแรงครับ 🩺🥰
.
ปรึกษาเราได้ฟรี!
083-070-5955, 02-938-9178
Inbox : https://m.me/dentallifeclinic
Line : @dentallife หรือคลิก https://lin.ee/R5pISY5

