ก่อนทำต้องรู้! รักษารากฟันเทียม มีกี่วิธี แก้ปัญหาช่องปากได้อย่างไร?

Share Post:

รักษารากฟันเทียม

สำหรับคนที่สูญเสียฟันไป ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุจากฟันผุ ฟันโยก โรคเหงือก ในปัจจุบันมีทางออกง่ายๆ ให้กับปัญหานี้ โดยที่คุณไม่ต้องเสียฟันนั้นไปตลอดกาล และวิธีนั้นก็คือการ “รักษารากฟันเทียม” นั่นเองค่ะซึ่งการรักษารากฟันเทียมนี้ จะเป็นการฝังวัสดุที่มีรูปร่างคล้ายรากฟันลงไปในกระดูกขากรรไกร เพื่อยึดครอบฟัน สะพานฟัน หรือฟันปลอมแบบถอดได้ เพื่อทดแทนฟันธรรมชาติที่สูญเสียไปสำหรับผู้ที่สนใจวันนี้เราจะมาเจาะลึกการรักษารากฟันเทียมว่ามีกี่วิธี และ จะช่วยแก้ปัญหาในช่องปากได้อย่างไรกันบ้าง?

รักษารากฟันเทียมคืออะไร?

รักษารากฟันเทียมคือการใส่วัสดุไทเทเนียมที่ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษ มีลักษณะคล้ายรากฟันลงไปยึดติดกับกระดูกขากรรไกรของคนไข้ในตำแหน่งที่สูญเสียฟันและรากธรรมชาติไป เพื่อทดแทนรากฟันจริง ในการยึดครอบฟัน สะพานฟัน และฟันปลอม
โดยรากฟันเทียมจะประกอบด้วย 3 ส่วนคือ

1. Fixture ซึ่งจะฝังอยู่ใต้เหงือก ในกระดูกขากรรไกร เพื่อทำหน้าที่แทนรากฟันเดิม
2. Abutment จะเป็นตัวทดแทนแกนฟัน ใช้ยึดครอบฟัน
3. Crown หรือ ส่วนของตัวฟัน รูปร่างและสีจะคล้ายกับฟันธรรมชาติ

วิธีของการรักษารากฟันเทียม

การรักษารากฟันเทียมแบ่งออกได้ 3 วิธี ได้แก่ Conventional Implant, Immediate Implant, Immediate Loaded Implant ซึ่งจะเลือกใช้วิธีรากฟันเทียมแบบใดนั้นก็คืออยู่กับความหนักเบาของปัญหาในช่องปาก และความจำเป็นของคนไข้

1. Conventional Implant

เป็นการฝังรากฟันเทียมแบบทั่วไป โดยจะมีขั้นตอนดังนี้

1. ทันตแพทย์ตรวจ พิมพ์ปาก และ X-ray หรือ CT Scan เพื่อวางแผนการรักษาผ่าตัดฝังรากฟันเทียม รอให้รากฟันเทียมและกระดูกขากรรไกรยึดติดกันราว 3-4 เดือน ทำฟันเทียมเพื่อยึดกับรากเทียม
2. Immediate Implant เป็นการฝังรากฟันเทียมลงไปเลยทันทีหลังจากที่ถอนฟันธรรมชาติออกไป การใช้วิธีนี้จะช่วยลดขั้นตอนต่างๆ ลง อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดเหงือกร่น หรือ กระดูกละลาย อีกด้วย แต่ข้อจำกัดของวิธีนี้คือ สามารถทำได้เฉพาะกับฟันหน้าหรือฟันกรามน้อย เท่านั้น และรากฟันธรรมชาติที่จะถอนออก ต้องมีปริมาณกระดูกมากพอที่จะทำให้รากฟันเทียมยึดอยู่
3. Immediate Loaded Implant เป็นการต่อชิ้นส่วนของทันตกรรมประดิษฐ์ อย่างเช่น ครอบฟัน ไปยังรากฟันเทียมทันทีหลังจากที่ทำการฝังรากฟันเทียมเสร็จสิ้น ซึ่งการการต่อชิ้นส่วนของทันตกรรมประดิษฐ์ นี้จะช่วยลดระยะเวลาของการรักษารากฟันเทียมลงไปได้

2. Immediate Implant

เป็นการฝังรากฟันเทียมลงไปเลยทันทีหลังจากที่ถอนฟันธรรมชาติออกไป การใช้วิธีนี้จะช่วยลดขั้นตอนต่างๆ ลง อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดเหงือกร่น หรือ กระดูกละลาย อีกด้วย แต่ข้อจำกัดของวิธีนี้คือ สามารถทำได้เฉพาะกับฟันหน้าหรือฟันกรามน้อย เท่านั้น และรากฟันธรรมชาติที่จะถอนออก ต้องมีปริมาณกระดูกมากพอที่จะทำให้รากฟันเทียมยึดอยู่

3. Immediate Loaded Implant

เป็นการต่อชิ้นส่วนของทันตกรรมประดิษฐ์ อย่างเช่น ครอบฟัน ไปยังรากฟันเทียมทันทีหลังจากที่ทำการฝังรากฟันเทียมเสร็จสิ้น ซึ่งการการต่อชิ้นส่วนของทันตกรรมประดิษฐ์ นี้จะช่วยลดระยะเวลาของการรักษารากฟันเทียมลงไปได้

รักษารากฟันเทียมคืออะไร?

การรักษารากฟันเทียมช่วยแก้ปัญหาในช่องปากได้ดังนี้

1. เพิ่มประสิทธิภาพในการบดเคี้ยวอาหาร
2. สามารถรับประทานอาหารได้ทุกชนิดที่ชื่นชอบ
3. ทำให้ผู้รับบริการสามารถยิ้มด้วยความมั่นใจ มีความเชื่อมั่นในตนเองมากขึ้น และมีบุคลิกภาพที่ดี
4. พูดชัด ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่มีปัญหาเรื่องการออกเสียง
5. รักษาเนื้อฟันข้างเคียงไว้ได้ ไม่ต้องกรอฟันเพื่อทำสะพานฟัน
6. มีความสวยงาม ฟันเทียมดูเป็นธรรมชาติ คงทน ถาวร
7. ไม่ต้องกรอแต่งฟันข้างเคียง
8. ป้องกันการสูญเสียฟันและกระดูกข้างเคียง

การรักษารากฟันเทียมที่ Dental Life Clinic

ที่ Dental Life Clinic เรามีบริการรักษารากฟันเทียมด้วยโปรโมชัน 30,000 บาท รวมครอบฟัน ผู้รับบริการทุกท่านจะได้รับการบริการโดยทันตแพทย์ผู้มีความเชี่ยวชาญในการรักษารากฟันเทียม มีประสบการณ์กว่า 20 ปี มั่นใจได้เลยว่าฟันของคุณจะกลับมาสวย ยิ้มได้อย่างมั่นใจเหมือนเดิมค่ะ

ร่วมดูแลรักษารากฟันเทียมของคุณไปด้วยกันเลยวันนี้ที่ Dental Life Clinic

Stay Connected

More Updates